Thursday, June 07, 2007

8

วันที่ 15 เดือนมีนาคม 2550 เสียงกังวานจากประธานบริษัทกล้วยก้องไปทั่วอาณาบริเวณบริษัท ใจความว่า "สืบเนื่องจากทางบริษัทได้ดำเนินกิจการมาเป็นเวลาห้าปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ทำคุณงามความดีให้กับพนักงานด้วยการมอบหมายงานให้ทำ ทั้งยังมีเงินเดือนยังชีพให้อีก ด้วยความตั้งใจจริงที่จะมุ่งส่งเสริมความเป็นอยู่ของพนักงานให้ดีขึ้นโดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า บรรดาลิง ช้าง ม้า รวมถึงสัตว์อื่นๆในโรงละครสัตว์สิบสามแห่งได้พากันเมินกล้วยจากบริษัทเรา ทางบริษัทจึงมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการผลิตกล้วยเป็นการขายกล้วยแทน ใบลาออกวางอยู่ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ขอขอบคุณและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมา ณ ที่นี้" นายจำปี ขาแขว่ง เดินแกว่งขาเข้าไปที่พนักงานสาวหน้าตาสะสวยซึ่งยังคงยิ้มอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เธอจะเป็นหนึ่งในผู้เซ็นใบลาออกคนแรกๆ แต่เธอก็ยังยิ้ม ปากกาจับมั่นในมือพร้อมเซ็น กางขาออกสองขาเพื่อให้ถนัด แต่เมื่อโน้มตัวลง เสียงสะกิดใจของสาวโอเปอร์กระซิบบอกนายจำปี ขาแกว่ง ว่า ท่านกล้วย มีดำริว่า คุณจำปี ขาแกว่ง ไม่ต้องเซ็นค่ะ มึนงงปนดีใจ นายจำปี ขาแขว่ง ขยับถอยหลังสองก้าว หุบขาเข้าที่ด้วยความมึนงง ปล่อยให้คนอื่นๆในคิวลงชื่อไปทีละคน...ทีละคน
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน กล้วยที่นายจำปี ขาแกว่ง ได้รับมอบหมายให้ทำการตลาด ยังคงขายไม่ออก ด้วยว่าเป็นพันธุ์ใหม่ ข้างนอกเป็นกล้วย ข้างในเป็นไส้ทุเรียน "เหม็นบรรลัย" ยายตรม ผู้ที่ประสบการ์ณห้าปีเต็มนับแต่วันก่อตั้งบริษัทผรุสวาทออกมา "แต่ก็แปลกดี" นายเต็มเสริมพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
ทุกบ้านในตำบลที่บริษัทกล้วยตั้งอยู่ได้รับการเยี่ยมเยียนจากนายจำปี ขาแกว่งอย่างน้อยสองครั้ง พักหลังๆนายจำปี ขาแกว่ง ต้องเอากล้วยพันธุ์ใหม่ห่ออย่างดีด้วยการช่วยเหลือของภรรยาเพื่อไม่ให้กลิ่นส่งไปล่วงหน้า อันมักจะเป็นสาเหตุแห่งการปิดประตูไม่ต้อนรับเขาเข้าบ้านอยู่เสมอ
สามเดือนผ่านไป ด้วยความสุดจะทนกับความไม่สันทัดกรณีขายกล้วยของตน นายจำปี ขาแกว่งตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ยื่นใบลาออก
เมื่อยายตรม กับนายเต็ม ได้รับทราบข่าวการลาออกของนาย จำปี ขาแกว่ง ทั้งสองรีบรุดไปเยี่ยมนายจำปี ขาแกว่งที่บ้านทันที ที่นั่นพวกเขาพบนายจำปี ขาแกว่ง นั่งแกว่งขาอยู่กับแคร่ใต้ต้นหูกวางใหญ่ ตาเหม่อจ้องมองไปบนฟ้าที่ซึ่งนกกระจิบฝูงหนึ่งบินไล่ลมกันอยู่ ยายตรมเปิดฉากทำลายบรรยากาศอันเปลี่ยนเหงาของนายจำปี ขาแกว่งด้วยการนั่งลงข้างๆพร้อมถอนหายใจหนึ่งเฮือก "ข้ารู้แล้วว่ามันต้องออกมาอีหรอบนี้", "เอ็งน่าจะออกมาด้วยกันแต่ทีแรก" นายเต็มเสริมพร้อมรอยยิ้มมุมปาก, "..." ไม่มีสัญญาณตอบรับจากนายจำปี ขาแกว่งที่บัดนี้หยุดแกว่งขาเพราะเมื่อหันไปทางยายตรม ถุงกระดาษสีน้ำตาลสะดุดตาเขาด้วยความคุ้นเคย "ถุงอะไรยาย", "อ้อ อันนี้ข้าเอามาฝากเอ็ง เห็นว่าช่วงนี้ว่างงาน ถ้าหิวจะได้มีกิน", "ยายเค้าได้งานแล้ว" นายเต็มเสริมพร้อมรอยยิ้มมุมปาก "ทุกคนก็ได้งานใหม่กันแล้วทั้งนั้นแหละ เอ้ากินซะก่อน" นายจำปี ขาแกว่งรับบางสิ่งจากมือยายตรม เมื่อมองดูจึงเห็นว่ามันคือกล้วยสุกกำลังดี ปอกเรียบร้อยจากมือยายตรมด้วยท่าทางมึนงงปนสงสัย เขาหักมันออกเป็นสองท่อนก่อนจะพบว่าข้างในกล้วยเป็น "มังคุด"
...
นกกระจิบอีกฝูงหนึ่ง หรืออาจเป็นฝูงเดิม บินไล่ลมกันอยู่ ชั่วขณะหนึ่งนายจำปี ขาแกว่ง คิดว่าเขาเห็นมันบินด้วยรูปแบบเดิม วนจากล่างขึ้นบนไปทางซ้าย ก่อนย้อนลงมาเพื่อจบรอบเป็นเลขแปด ทำอย่างนี้ไม่รู้จบ.

Labels:

0 Comments:

Post a Comment

<< Home