Friday, May 11, 2007

การเดินทางของ "บะหมี่"
หากผมเป็นชาวฮั่นผู้ประดิษฐ์เจ้าเส้นสีเหลืองนวล หยักศกเล็กน้อย และอ่อนนุ่มเมื่อสัมผัสน้ำเมื่อสักสองพันปีก่อนแล้วละก็
ตายแล้วเกิดใหม่มาในวันนี้ได้เห็นการเดินทางของมันไปไกลทั่วโลก ผมคงน้ำตาไหลพรากด้วยความปลื้มปีติ แทนที่จะมานั่งเสียดมเสียดายว่า เมื่อตอนที่องค์ฮ่องเต้ถามว่าอยากจดสิทธิบัตรมั๊ยน่าจะตอบไปว่า "Yes, I do" เพื่อเมื่อวันเวลาผ่านไปเราจะยังนั่งภูมิใจอยู่ว่า บะหมี่ ของเราไม่ได้ถูกพัฒนาไปเป็น พาสต้า สปาเก็ตตี้ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ตามอำเภอใจคนอื่น แต่เป็นอำเภอใจเราเอง เพราะสิ่งนี้เองที่เป็นการส่งผ่านความเจริญรุ่งเรืองจากดินแดนหนึ่งไปสู่ดินแดนอื่นๆ เพื่อให้คนอีกฟากนึงของโลกได้กินบะหมี่เหมือนกัน โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อจากผมเท่านั้น เพราะมันคือการผูกขาด ผมอาจตั้งราคาโดยคิดเป็นเส้น หนึ่งเส้น สองร้อยชั่ง อยากกินก็จ่ายมา อ๊ะๆ แต่อย่าไปผลิตเองขายเองนะ ไม่งั้นจะโดนไม่ใช่น้อย
ทีนี้สมมติว่าผมนั่งปั้นเส้นบะหมี่อยู่ มีนายเงี้ยบเล็กเกิดปิ๊งไอเดียในการทำบะหมี่ขึ้นมาเหมือนกัน แต่เราอยู่คนละมณฑล ผมมีสิทธิ์ที่จะไปห้ามหรือกล่าวหาว่าเขาลอกเลียนแบบความคิดผมหรือ? ปัญหาเกิดจากความใจแคบของเราเองที่หวงความรู้ของตนไว้สำหรับความร่ำรวยของตัว โดยไม่คิดถึงประโยชน์ที่ส่วนรวมจะได้รับ ปัญหาเรื่องที่ไทยบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยารักษาโรคเอดส์จึงเป็นเรื่องที่เราควรใส่ใจ และสนับสนุนไม่ใช่มาด่าพวกเดียวกันเอง บางครั้ง "ความสามัคคีในทางที่ดี" จึงสำคัญกว่า "ความถูกต้องตามกฎกติกาที่ใครก็ไม่รู้ตั้งขึ้นมา" เหมือนที่เพื่อนผมเคยบอกว่า "จะดีจะเลวพวกกูต้องมาก่อน!"

0 Comments:

Post a Comment

<< Home